Tesla คืนเงินลูกค้า $10,600 หลัง HW3 อัปเกรด FSD ไม่ได้
พงศธรJul 08, 2025, 12:12 PM
【PCauto】ศาลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ มีคำตัดสินล่าสุดในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มต่อ Tesla โดยสั่งให้บริษัทคืนเงินให้กับลูกค้าบางรายที่ซื้อแพ็กเกจเสริม “Full Self-Driving (FSD)” หรือระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยต้องคืนเงินจำนวน 10,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อราย พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางคดีทั้งหมด คดีนี้เกิดจากการที่ลูกค้ากลุ่มหนึ่งกล่าวหาว่า Tesla ไม่สามารถทำตามคำสัญญาในการส่งมอบฟังก์ชัน FSD ตามที่โฆษณาไว้ได้อย่างแท้จริง ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าถูกหลอกลวงจากการโฆษณาที่เกินจริงของบริษัท
Tesla รุ่นเก่าปี 2019 ก่อนหน้า อัปเกรด FSD ไม่ได้
ประเด็นสำคัญของคดีนี้อยู่ที่รถ Tesla ที่ผลิตก่อนปี 2019 ซึ่งติดตั้งระบบฮาร์ดแวร์ขับขี่อัตโนมัติรุ่น Hardware 3.0 (HW3.0) โดยเจ้าของรถที่เป็นโจทก์ได้นำเสนอหลักฐานว่า ในช่วงที่รถเหล่านี้วางจำหน่าย Tesla เคยโฆษณาไว้อย่างชัดเจนว่า รถที่ใช้ฮาร์ดแวร์ HW3.0 ทุกคันจะสามารถอัปเกรดเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (FSD) ได้ในอนาคต ผ่านการอัปเดตแบบ OTA (Over-the-Air) โดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ
อย่างไรก็ตาม ในการใช้งานจริง เจ้าของรถกลับพบว่าฟังก์ชัน FSD ที่รถของตนรองรับยังคงอยู่ในเวอร์ชันทดลอง (Beta) มาโดยตลอด โดยสามารถใช้งานได้เพียงฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น การตรวจจับสัญญาณไฟจราจร และป้ายหยุด เท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลจากระดับ “ขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ” ตามที่ Tesla เคยโฆษณาไว้ในตอนแรก เจ้าของรถจึงมองว่าสิ่งนี้เป็นการโฆษณาเกินจริงและทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด
ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี ทำให้ Tesla ยังไปไม่ถึง FSD ตัวจริง
ฮาร์ดแวร์ HW3.0 ของ Tesla มีพลังประมวลผลอยู่ที่ 144 TOPS (ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที) ซึ่งแม้จะดูแรง แต่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง HW4.0 ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 260–500 TOPS แล้ว ถือว่ายังห่างชั้นพอสมควร ด้วยเหตุนี้ HW3.0 จึงไม่สามารถรองรับฟีเจอร์ Full Self-Driving (FSD) เต็มรูปแบบได้ โดยเฉพาะระบบช่วยขับขี่ในเมืองขั้นสูงอย่าง City NOA (Navigate on Autopilot) ที่ต้องใช้การประมวลผลระดับสูงในการรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนบนท้องถนนจริง
แม้ว่า Tesla จะมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เป็น HW4.0 ในรถรุ่นใหม่บางรุ่น และเปิดให้ลูกค้าบางรายสามารถจ่ายเงินประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่ออัปเกรดฮาร์ดแวร์ได้ แต่ศาลมองว่ามาตรการนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาหลักที่เกิดจากการโฆษณาฟีเจอร์ FSD บนพื้นฐานของ HW3.0 ในช่วงแรกได้อย่างแท้จริง และยังไม่ถือเป็นแนวทางแก้ไขที่ครอบคลุมสำหรับลูกค้าทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์เดิม
ระหว่างการพิจารณาคดี ฝั่ง Tesla ให้เหตุผลว่า FSD เป็นฟีเจอร์ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา และถูกออกแบบให้ “พัฒนาอย่างต่อเนื่อง” ลูกค้าที่ซื้อควรเข้าใจว่าอาจมีความไม่สมบูรณ์ และฟังก์ชันจะทยอยอัปเดตในอนาคต อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่า สิ่งที่ Tesla โฆษณาไว้ก่อนหน้านี้—โดยเฉพาะการรับประกันว่า รถที่ใช้ HW3.0 จะได้รับ FSD เวอร์ชันเต็ม—แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับความเป็นจริงที่ลูกค้าต้องเผชิญในระยะยาว และถือว่า Tesla ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้ จึงตัดสินให้ลูกค้ามีสิทธิขอเงินคืนได้
ศาลเตือนวงการรถยนต์: อย่าสัญญาเกินจริงจนส่งมอบไม่ได้
คำพิพากษานี้ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะกับบริษัทรถยนต์ที่กำลังผลักดันระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) และเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติอย่างจริงจัง
ประเด็นสำคัญที่คำพิพากษานี้สะท้อนคือ บรรดาค่ายรถจำเป็นต้องใช้ถ้อยคำอย่างรอบคอบและชัดเจนเมื่อนำเสนอฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดตซอฟต์แวร์หรือฟังก์ชันในอนาคต ต้องแยกแยะอย่างชัดเจนระหว่าง “ระบบช่วยขับขี่” ที่สามารถใช้งานได้จริงในปัจจุบัน กับ “ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ” ที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อหลีกเลี่ยงการสื่อสารเกินจริงหรือให้ความคาดหวังเกินจริงกับผู้บริโภค
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อมูลยอดนิยม

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า
【PCauto】bZ4X Touring มีแผนวางจำหน่ายในยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยเป็นรุ่นต่อยอดจาก bZ4X เวอร์ชันมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับการบรรทุกและการใช้งานแบบออฟโรดได้ดีขึ้น พร้อมกำลังรวมสูงสุด 280 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นระดับกำลังที่สูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota จนถึงขณะนี้ bZ4X Touring มีขนาดตัวถังและพื้นที่ภายในที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในฐานะรุ่นแฝดของ Subaru Trailseeker รถรุ่นนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-TNGA เช่นเดียวกัน แต่ได้รับการขยายมิติตัวรถเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน
【PCauto】หลังจาก Tank 300 รุ่นดีเซลประสบความสำเร็จเกินคาด GWM วางแผนนำ Tank 500 รุ่นดีเซลเข้าสู่ตลาดไทยในไตรมาสที่สี่ของปี 2025 รถเอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่มาพร้อมขุมพลังดีเซล 24 เทอร์โบรุ่นนี้จะผลิตในประเทศที่โรงงานจังหวัดระยอง ราคาคาดการณ์ราวสองล้านบาท เจาะตลาดเดียวกับ Toyota Fortuner และ Isuzu MU X ซึ่งเป็นเอสยูวีดีเซลยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่เปิดตัวทั่วโลก 16 มิถุนายน 2025 มาพร้อมนวัตกรรมหลากหลายด้าน
【PCauto】แบรนด์ Audi ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่ จะเปิดตัวครั้งแรกทั่วโลกในวันที่ 16 มิถุนายน 2025 โดยระบุว่า SUV รุ่นใหม่นี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานในหลายมิติ จากข้อมูลเบื้องต้น รถรุ่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในด้าน ภาษาในการออกแบบ, ห้องโดยสารแบบดิจิทัล และ ระบบขับเคลื่อน Q3 ถือเป็นหนึ่งในรุ่นขายดีที่สุดของ Audi โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 2 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรก

โตโยต้าวางแผนจะเปิดตัว Land Cruiser FJ (500D) โดยประเทศไทยจะเป็นสถานที่ผลิตหลัก
【PCauto】Toyota เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ Land Cruiser FJ รหัสโครงการ 500D ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นคลาสสิก FJ40 พร้อมผสมผสานดีไซน์ของ Land Rover Defender และ Suzuki JIMNY คาดเปิดตัวครั้งแรกทั่วโลกในงาน Japan Mobility Show วันที่ 29 ถึง 30 ตุลาคม 2025 โดยเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเวอร์ชันญี่ปุ่น ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรุ่นนี้ คาดผู้บริโภคชาวไทยจะได้เห็นในงาน Motor Expo ช่วงปลายปี 2025 และเริ่มวางจำหน่ายต้นปี 2026

NISSAN X-Trail e-POWER จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2025
【PCauto】Nissan เตรียมนำเข้า X-Trail e-POWER e-4ORCE รุ่นใหม่ล่าสุด (รหัสภายใน T33) จากประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดประเทศไทยช่วงปลายปี 2025 ในรูปแบบรถยนต์นำเข้าทั้งคัน สำหรับผู้บริโภคที่ให้ความสนใจกับรถรุ่นนี้ ราคาจำหน่ายถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับแรกอย่างไม่ต้องสงสัย
รถยอดนิยม
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
ภาพภายใน