ตลาดรถยนต์ไทยซบเซา ผลิตรถครึ่งปีแรกลดลง 4.8% เหลือ 724,715 คัน

【PCauto】สหพันธ์อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย (FTI) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2025 ประเทศไทยมียอดการผลิตรถยนต์รวมทั้งสิ้น 724,715 คัน ลดลง 4.80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความท้าทายหลายด้านที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งแรง กลายเป็นจุดเด่นของตลาดรถไทย

ในเดือนมิถุนายน มีการผลิตรถยนต์ทั้งหมด 130,223 คัน ลดลง 6.44% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 11.98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การผลิตสะสมในช่วงครึ่งปีแรกที่ลดลง ส่วนใหญ่เกิดจากยอดผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง (ICE) ที่ลดลง

ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยอดผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันอยู่ที่ 118,730 คัน ลดลง 33.04% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) มียอดผลิต 23,798 คัน เพิ่มขึ้นถึง 380.48% รถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และไฮบริด (HEV) ก็เติบโตเช่นกัน เพิ่มขึ้น 211.60% และ 14.77% ตามลำดับ

ตลาดรถกระบะยังคงแข็งแกร่ง โดยรถกระบะ 1 ตัน มียอดผลิต 455,678 คัน คิดเป็น 62.8% ของยอดผลิตรวม ยอดขายภายในประเทศเพิ่มขึ้น 26.27% ส่วนรถกระบะดัดแปลง (PPV) มียอดผลิต 89,503 คัน เพิ่มขึ้น 12.51% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ตลาดรถยนต์หดตัว FTI ปรับเป้าผลิตและส่งออกรถใหม่

การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สะท้อนถึงแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดย FTI ได้ปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ทั้งปีจาก 1.5 ล้านคัน เหลือ 1.45 ล้านคัน โดยมีสัดส่วนการส่งออก 65.5% และยอดขายในประเทศยังคงเป้าไว้ที่ 5 แสนคัน ขณะที่เป้าหมายการส่งออกรถยนต์ลดลงจาก 1 ล้านคัน เหลือ 9.5 แสนคัน

การปรับเป้าหมายครั้งนี้มีสาเหตุหลักจาก 4 ปัจจัย ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ทำให้ความต้องการลดลง นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มภาระภาษี ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ และการยุติการผลิตบางรุ่นเพื่อเปลี่ยนไลน์การผลิต ในช่วงครึ่งปีแรก ไทยส่งออกรถยนต์ได้ 475,013 คัน ลดลง 7.98% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็น 65.54% ของกำลังการผลิตทั้งหมด

FTI เน้นย้ำว่า ช่วงครึ่งปีหลังต้องจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าอย่างใกล้ชิด เพราะจะส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยโดยตรง

สถาบันการเงินเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์

แม้ยอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศช่วงเดือนมิถุนายนจะอยู่ที่ 45,305 คัน เพิ่มขึ้น 31.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมของตลาดยังคงเผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ซบเซา ส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดมากขึ้นในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ ขณะที่ระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันความต้องการซื้อของผู้บริโภค

ข้อมูลล่าสุดสะท้อนว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเผชิญกับช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุครถยนต์เครื่องยนต์สันดาปที่ถดถอย สู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่มุ่งสู่อนาคตไฟฟ้า โครงสร้างของอุตสาหกรรมไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาคจึงมีแนวโน้มปรับตัวต่อเนื่องตามทิศทางใหม่นี้