Toyota ยอดขายทั่วโลกเดือนพฤษภาคมพุ่ง 6.9% ทะลุ 898,721 คัน

【PCauto】Toyota เผยยอดขายทั่วโลกในเดือนพฤษภาคม 2025 อยู่ที่ 898,721 คัน เพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นสถิติสูงสุดในช่วงเวลาเดียวกันของปี ส่วนถ้ารวมยอดขายจากบริษัทในเครืออย่าง Daihatsu และ Hino ด้วย ยอดรวมทั้งกลุ่มจะอยู่ที่ 955,532 คัน เพิ่มขึ้น 7.5% จากปีก่อน

การเติบโตของยอดขายในเดือนพฤษภาคมครั้งนี้ มาจากผลงานที่มั่นคงในตลาดสำคัญอย่างอเมริกาเหนือ จีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือที่ทำยอดขายได้ถึง 280,928 คัน เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นยอดจากสหรัฐอเมริกา 240,176 คัน ส่วนตลาดญี่ปุ่นโตขึ้น 4.4% ขณะที่ตลาดจีน (รวมแบรนด์ Lexus) ทำยอดขายได้ 149,887 คัน เพิ่มขึ้น 6.8% จากปีก่อน และยอดสะสมตั้งแต่มกราคมถึงพฤษภาคมอยู่ที่ 680,040 คัน โตขึ้น 7.5%

รถยนต์ไฮบริดกลายเป็นกำลังหลักในการเติบโต

ในตลาดจีน รถยนต์ไฮบริด (HEV) ของโตโยต้ามียอดขายโดดเด่นเป็นพิเศษ โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายสนับสนุนการซื้อรถของรัฐบาลท้องถิ่น ทำให้ยอดขายรถ HEV ของ FAW Toyota คิดเป็น 48% ของยอดขายทั้งหมด โดยมีรุ่นยอดนิยมอย่าง Camry และ RAV4 ที่ยังคงขายดีต่อเนื่อง แนวโน้มนี้ยังสะท้อนให้เห็นในตลาดโลกด้วย โดยยอดขายรถ HEV ของโตโยต้าในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 381,202 คัน เพิ่มขึ้น 15.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคิดเป็น 89% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดของแบรนด์ ส่วนตลาดยุโรปก็มียอดขายเพิ่มขึ้น 3.4% คิดเป็น 99,884 คัน โดยได้แรงหนุนจากรถไฮบริดรุ่น Yaris เป็นต้น

ยอดการผลิตของโตโยต้าในเดือนพฤษภาคมลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากจำนวนวันทำงานของโรงงานในญี่ปุ่นที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม การผลิตในจีนเพิ่มขึ้นถึง 15.2% ซึ่งช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านกำลังการผลิตในระดับโลกได้บางส่วน

นอกจากนี้ มาตรการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อโตโยต้าอย่างชัดเจน โดยในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม บริษัทขาดทุนรวมประมาณ 180,000 ล้านเยน เพื่อลดแรงกดดันด้านต้นทุน โตโยต้าวางแผนจะปรับขึ้นราคารถบางรุ่นที่ขายในสหรัฐฯ มากกว่า 200 ดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

แม้รถไฮบริดจะทำผลงานดี แต่โตโยต้ายังเดินหน้าในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนได้ช้า

ในเดือนพฤษภาคม โตโยต้ามียอดขายรวมของรถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด (EV+PHEV) เพียง 13,000 คัน คิดเป็นไม่ถึง 5% ของยอดขายทั้งหมดในจีน ขณะที่แบรนด์จีนสามารถผลักดันสัดส่วนรถไฟฟ้าให้สูงถึง 52.9% ส่วนแบรนด์ร่วมทุนกลับมีส่วนแบ่งเพียง 6.4% เท่านั้น รถ SUV ไฟฟ้ารุ่นใหม่ “bZ5” ที่เตรียมเปิดตัวในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ จึงถูกมองว่าเป็นรุ่นสำคัญที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย หากทำตลาดได้ดี จะมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฟฟ้าของโตโยต้าในจีน