BYD ปรับลดราคาครั้งใหม่ ตลาดรถยนต์จีนเผชิญสงครามราคารอบใหม่อีกครั้ง

【PCauto】ในปี 2025 BYD ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงกลับไม่เป็นไปตามแผน โดยในช่วง 4 เดือนแรกทำยอดขายได้เพียง 1.38 ล้านคัน คิดเป็นเพียง 25% ของเป้าหมายทั้งปี ขณะที่ตามแผนควรทำได้อย่างน้อย 33% หรือประมาณ 1.81 ล้านคัน

สถานการณ์นี้ทำให้ BYD จำเป็นต้องใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้นเพื่อเร่งขยายส่วนแบ่งการตลาด โดยการลดราคาและจัดโปรโมชั่นกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ถูกนำมาใช้

BYD ปรับลดราคาพร้อมกันถึง 22 รุ่น กดดันให้บริษัทรถยนต์รายอื่นต้องปรับราคาตาม

ในแคมเปญลดราคาครั้งนี้ รุ่นที่มีราคาต่ำที่สุดคือ Seagull รุ่น Intelligent Driving – Vitality Edition ซึ่งจำหน่ายในราคาเพียง 253,069 บาท  ขณะที่รุ่นที่ลดราคามากที่สุดคือ Seal 07 DM-i รุ่น Intelligent Driving (1.5L 125+km Elite Edition) ซึ่งลดลงถึง 240,408 บาท เหลือราคา 102,800 หยวน คิดเป็น 466,228 บาท

สำหรับรุ่นยอดนิยมในจีนอย่าง Qin PLUS DM-i รุ่น Intelligent Driving ราคาลดจาก 361,916 บาท เหลือ 289,352 บาท ส่วน Song L DM-i รุ่น Intelligent Driving ลดลง 117,917 บาท เหลือ 497,975 บาท

เพื่อตอบโต้การลดราคาของ BYD ค่ายรถยนต์จีนรายอื่นก็เริ่มปรับราคาตามเช่นกัน GAC AION ออกแคมเปญส่วนลดแบบครบทุกโมเดล โดยให้ส่วนลดรวมระหว่าง 72,542 บาท ถึง 158,760 บาท รุ่นไฮไลต์อย่าง Aion Y ปรับลดราคาลงเหลือเพียง 293,932 บาท ลดลงประมาณ 30% จากราคาก่อนหน้า

Geely Galaxy ปรับลดราคารุ่น Xingyuan และ Starship โดยมีส่วนลดระหว่าง 45,360 บาท ถึง 90,720 บาท หลังการปรับราคา รุ่น Xingyuan มีราคาเริ่มต้นใหม่ที่ 271,252 บาท ขณะที่รุ่น Starship อยู่ที่ 361,972 บาท

Changan Deepal มอบส่วนลด 113,400 บาท สำหรับรุ่น S07

การลดราคาครั้งใหญ่ของ BYD ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลง

การลดราคาครั้งใหญ่ของ BYD ไม่เพียงสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดรถยนต์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาดการเงินอย่างมีนัยสำคัญ โดยในวันจันทร์ ราคาหุ้นของ BYD ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงร่วงลงถึง 8.3% หลังประกาศกลยุทธ์ลดราคาอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแค่ BYD เท่านั้น หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น เช่น Li Auto, GWM และ Geely ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยราคาร่วงลงมากกว่า 5% ทุกราย สะท้อนความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตลาด

นักลงทุนกังวลว่าการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงจะกระทบต่อส่วนแบ่งการตลาดและกำไรของผู้เล่นรายอื่น จึงเกิดการเทขายหุ้น นำไปสู่การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มรถยนต์โดยรวม

ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการลดราคาของ BYD เป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพ

แม้ต้องแลกด้วยกำไรที่ลดลงและแรงกดดันต่อตลาดทุน แต่คาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าเข้าชมโชว์รูมของผู้แทนจำหน่ายได้ถึง 30–40% ต่อสัปดาห์ หากสามารถเปลี่ยนยอดเข้าชมเหล่านี้ให้เป็นยอดขายจริงได้ BYD ก็ยังมีโอกาสบรรลุเป้าหมายยอดขาย 5.5 ล้านคันภายในปีนี้