Nissan ขาดทุนไตรมาสแรกในรอบ 4 ปี สัญญาณวิกฤตธุรกิจเริ่มชัดเจน
Kevin WongAug 01, 2025, 10:18 AM
【PCauto】Nissan ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2025 (เมษายน–มิถุนายน) โดยพบว่าบริษัทประสบภาวะขาดทุนจากการดำเนินงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021 สะท้อนถึงความท้าทายอย่างหนักในธุรกิจหลัก และสร้างความกังวลต่อตลาดเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต
จากประกาศบนเว็บไซต์ทางการของ Nissan ระบุว่าขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาสนี้อยู่ที่ 7.91 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 1.72 พันล้านบาท) แม้ว่าจะขาดทุนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 2 แสนล้านเยน แต่ก็ถือเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดย Ivan Espinosa ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nissan กล่าวในแถลงการณ์ว่า ผลประกอบการนี้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการเดินหน้าแผนการเปลี่ยนผ่านของบริษัท พร้อมยืนยันว่าจะเน้นการลดต้นทุนและปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อฟื้นฟูกำไรกลับมาอีกครั้ง
Nissan ธุรกิจทั่วโลกซบเซา
ไตรมาสนี้ Nissan มียอดขายทั่วโลกอยู่ที่ 707,000 คัน ลดลง 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้รายได้ลดลงเหลือ 2.7 ล้านล้านเยน (ประมาณ 587,000 ล้านบาท) ขาดทุนจากการดำเนินงาน 7.91 พันล้านเยน และขาดทุนสุทธิขยายตัวเป็น 11.58 พันล้านเยน (ประมาณ 25,200 ล้านบาท)
รายงานจาก Nikkei Asia ระบุว่า Nissan ประสบปัญหาเป็นพิเศษในตลาดอเมริกาเหนือและยุโรป โดยยอดขายที่ลดลงได้ฉุดให้ผลประกอบการโดยรวมแย่ลง ขาดทุนจากการดำเนินงานสะท้อนถึงการขาดทุนในธุรกิจหลัก เช่น การขายและการผลิตรถยนต์ ขณะที่ตัวเลขขาดทุนสุทธิรวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้แต่การดำเนินงานประจำวันของ Nissan ก็เริ่มเผชิญกับปัญหาแล้ว
ยอดขายทั่วโลกลด–ต้นทุนวัตถุดิบพุ่ง ฉุด Nissan ขาดทุน
ต้นทุนการปรับตัวสู่รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาในแพลตฟอร์ม CMF-EV ที่ Nissan ร่วมพัฒนากับ Renault ซึ่งทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน ตลาดจีนที่มีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นก็สร้างแรงกดดันให้กับ Nissan โดยแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง BYD ใช้จุดแข็งด้านราคาเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด ส่งผลให้ยอดขายของ Nissan ในจีนลดลงถึง 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนที่ผันผวนยังส่งผลกระทบต่อรายได้จากตลาดต่างประเทศ ขณะที่ภาษีนำเข้ารถยนต์ในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นและปัญหาเรื่องกำลังการผลิตล้นเกินยิ่งทำให้การบริหารต้นทุนคงที่ยากขึ้นไปอีก
เมื่อรวมปัจจัยทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้แม้ยอดขายจะลดลง แต่ต้นทุนกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างควบคุมได้ยาก นักวิเคราะห์ชี้ว่า กำไรจากรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ และ S&P Global Mobility เชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมกำลังเร่งให้สถานการณ์ของ Nissan ย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง
หุ้น Nissan ร่วง 12% ตั้งแต่ต้นปี 2025
หาก Nissan ไม่สามารถหยุดแนวโน้มขาลงได้ อาจทำให้แบรนด์ถอยหลังต่อจากคู่แข่งอย่าง Toyota และ Honda ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสถานะในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก ล่าสุด Nissan ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิประจำปีงบประมาณ 2025 เหลือเพียง 150,000 ล้านเยน (ประมาณ 32,600 ล้านบาท) จากเดิมที่คาดไว้ 180,000 ล้านเยน บ่งชี้ว่าบริษัทอาจยังต้องเผชิญกับแรงกดดันต่อเนื่องอีกหลายไตรมาส
Nissan อาจจำเป็นต้องเดินเกมรถยนต์ไฟฟ้าเชิงรุกมากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ การขาดทุนจากการดำเนินงานที่ยืดเยื้ออาจส่งผลให้เกิดปัญหากระแสเงินสดตึงตัว กระทบต่อการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ของ Nissan เข้าสู่ภาวะวนลูปทางการเงินที่ยากต่อการฟื้นตัว
Nissan ลดงบการตลาดในอาเซียน
เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เผชิญอยู่ Nissan ได้เร่งเดินหน้ากลยุทธ์ปรับโครงสร้าง โดยประกาศลดงบการตลาดในบางภูมิภาค รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ในขณะเดียวกัน Nissan เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะรุ่น Ariya เพื่อกระตุ้นยอดขายผ่านผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้แผนฟื้นฟู “Re:Nissan” บริษัทได้เริ่มดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น การลดต้นทุนและรวมโรงงานทั่วโลกเข้าด้วยกัน
ในไตรมาสล่าสุด Nissan สามารถลดต้นทุนคงที่ได้กว่า 3,000 ล้านเยน (ประมาณ 660 ล้านบาท) พร้อมมีแผนจะลดหรือควบรวมฐานการผลิต 5 แห่งทั่วโลก Espinosa ระบุว่ามาตรการเหล่านี้คือกุญแจสำคัญในการพลิกกลับมาทำกำไร โดยตั้งเป้าจะสร้างกระแสเงินสดเป็นบวกภายในปีงบประมาณ 2026
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในอนาคตยังคงไม่แน่นอน โดยบริษัทคาดว่าในไตรมาส 2 อาจขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 10,000 ล้านเยน (ประมาณ 2,180 ล้านบาท) ซึ่งสะท้อนถึงความยากลำบากของการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้
ขาดทุนไตรมาสแรก เตือนภัยธุรกิจหลัก Nissan ย่ำแย่
ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกสู่ยุคไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว การที่ Nissan เดินหน้ากลยุทธ์รถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังอาจเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกฟื้นสถานการณ์ของบริษัท ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดและความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภค เส้นทางการฟื้นตัวของ Nissan จะเป็นบททดสอบด้านความสามารถในการปรับตัวและการลงมือปฏิบัติอย่างแท้จริง
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อมูลยอดนิยม

Nissan เตรียมพลิกโฉม SUV รุ่นสำคัญ หวังพาแบรนด์พ้นวิกฤตธุรกิจ
【PCauto】Nissan X-Trail ใหม่ (หรือ Rogue ในตลาดอเมริกาเหนือ) กำลังจะเปิดตัวโฉมใหม่ปลายปี 2025 นี้ พร้อมบทบาทสำคัญในการกู้วิกฤตของแบรนด์ ท่ามกลางแรงกดดันจากการลดกำลังการผลิตและผลประกอบการขาดทุน แม้จะยังพัฒนาบนแพลตฟอร์ม CMF-CD เดิม แต่รุ่นใหม่นี้มาพร้อมดีไซน์และระบบขับเคลื่อนที่เปลี่ยนใหม่หมด ใช้แนวทางออกแบบ “Nissan NEXT” ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถไฟฟ้า Ariya ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้า V-Motion ที่เล็กลง พร้อมไฟหน้าเลเซอร์แบบ Matrix ในรุ่นสูงสุด และไฟ DRL ทรงหกเหลี่ยมห้าชิ้นสุดเฉียบ ด้านข้างเน้นเส้น

เตรียมเปิดตัว! Toyota Yaris ATIV HEV ใหม่ 21 ส.ค.นี้ ใช้ขุมพลังเดียวกับ Yaris Cross
【PCauto】Yaris ATIV HEV ใหม่ จ่อเปิดตัว 21 ส.ค.นี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดประหยัดสุด 26.3 กม./ลิตร Toyota เตรียมส่ง Yaris ATIV รุ่นไฮบริดบุกตลาดไทย 21 สิงหาคมนี้ โดยใช้ขุมพลังเดียวกับ Yaris Cross ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VEX ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวม 111 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 0.7 kWh รองรับน้ำมัน E20 ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองดีเยี่ยมที่ 26.3 กม./ลิตร ตามมาตรฐาน WMTC เตรียมเปิดศึกรถซีดานไฮบริดประหยั

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า
【PCauto】bZ4X Touring มีแผนวางจำหน่ายในยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยเป็นรุ่นต่อยอดจาก bZ4X เวอร์ชันมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับการบรรทุกและการใช้งานแบบออฟโรดได้ดีขึ้น พร้อมกำลังรวมสูงสุด 280 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นระดับกำลังที่สูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota จนถึงขณะนี้ bZ4X Touring มีขนาดตัวถังและพื้นที่ภายในที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในฐานะรุ่นแฝดของ Subaru Trailseeker รถรุ่นนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-TNGA เช่นเดียวกัน แต่ได้รับการขยายมิติตัวรถเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

Mitsubishiเปิดตัว SUV 7 ที่นั่งรุ่น Destinator เพื่อแข่งขันกับ Honda CR-V
【PCauto】Mitsubishi Motors ได้เปิดตัว SUV เจ็ดที่นั่งรุ่นใหม่ Destinator อย่างเป็นทางการที่จาการ์ต้า รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อครอบครัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ และจะเริ่มจำหน่ายในอินโดนีเซียเป็นประเทศแรก ก่อนขยายตลาดไปยังไทยและประเทศในอาเซียนอื่นๆ Mitsubishi Destinator มาพร้อมกับฐานล้อยาวพิเศษ 2815 มิลลิเมตร และระยะต่ำสุดจากพื้นถึงตัวรถ 214 มิลลิเมตร รถรุ่นนี้ตั้งเป้าหมายในตลาด SUV ขนาดกลางที่มี Honda CR-V ครองตำแหน่งผู้นำอยู่แล้ว

หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน
【PCauto】หลังจาก Tank 300 รุ่นดีเซลประสบความสำเร็จเกินคาด GWM วางแผนนำ Tank 500 รุ่นดีเซลเข้าสู่ตลาดไทยในไตรมาสที่สี่ของปี 2025 รถเอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่มาพร้อมขุมพลังดีเซล 24 เทอร์โบรุ่นนี้จะผลิตในประเทศที่โรงงานจังหวัดระยอง ราคาคาดการณ์ราวสองล้านบาท เจาะตลาดเดียวกับ Toyota Fortuner และ Isuzu MU X ซึ่งเป็นเอสยูวีดีเซลยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รถยอดนิยม
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
ภาพภายใน