ผู้เชี่ยวชาญจีนชี้ กำไรรถจีน 30 ล้านคัน ยังน้อยกว่า Toyota ขายแค่ 9 ล้านคัน
วิรุฬห์Jul 11, 2025, 01:22 PM
【PCauto】เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้เชี่ยวชาญชาวจีนออกมาเปิดเผยในที่ประชุมว่า “อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของจีนมีอัตรากำไรจากมูลค่าการผลิตเพียง 5% โดยกำไรรวมจากยอดขายรถ 30 ล้านคัน ยังน้อยกว่าที่ Toyota ทำได้จากการขายรถแค่ 9 ล้านคัน”
ข้อมูลทางการเงินล่าสุดก็สะท้อนให้เห็นภาพดังกล่าวอย่างชัดเจน ในปีงบประมาณ 2024 (เมษายน 2023 - มีนาคม 2024) Toyota มีกำไรจากการดำเนินงานทั่วโลกสูงถึง 36.424 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ในจีน มีผู้ผลิตรถยนต์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด 18 ราย ในจำนวนนี้มีเพียง 13 รายที่มีกำไร รวมกันแล้วได้กำไรสุทธิแค่ 17.091 พันล้านดอลลาร์ หากหักผลขาดทุนจากอีก 5 ราย จะเหลือกำไรรวมเพียง 12.555 พันล้านดอลลาร์ หรือไม่ถึง 40% ของกำไรที่ Toyota ทำได้ในปีเดียว
กำไรรถยนต์จีนยังไม่ถึงครึ่งของ Toyota
จากรายงานทางการเงินของ Toyota ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2024 บริษัทมียอดขายทั่วโลกอยู่ที่ 10.38 ล้านคัน (รวมแบรนด์ Daihatsu และ Hino) โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 11.9% ตลาดอเมริกาเหนือเป็นแหล่งรายได้หลัก โดยมีรถ SUV ขนาดใหญ่อย่าง Sequoia และแบรนด์หรู Lexus เป็นตัวขับเคลื่อนกำไรต่อคันเพิ่มขึ้นถึง 21% และคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของกำไรทั้งกลุ่ม
ในขณะที่ตลาดจีน แม้มียอดขายสูงถึง 26 ล้านคันในปี 2024 และสร้างรายได้รวมทั้งอุตสาหกรรมราว 1.3671 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อัตรากำไรกลับลดลงเหลือเพียง 4.6% แม้ว่า BYD จะทำกำไรได้สูงที่สุดในอุตสาหกรรมด้วยอัตรากำไร 6.7% ก็ยังถือว่าน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของ Toyota
ในตลาดหลักอย่างอเมริกาเหนือ Toyota สามารถทำกำไรต่อคันได้ราว 127,000 บาท โดยเฉพาะแบรนด์ Lexus ที่มีสัดส่วนกำไรมากถึง 35% ขณะที่รถยนต์ที่จีนส่งออกมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 650,000 บาท ซึ่งต่ำกว่ารถญี่ปุ่นถึง 44% แม้ว่า Zeekr ซึ่งเป็นแบรนด์จีนที่เน้นความพรีเมียมจะมีภาพลักษณ์ดีขึ้น แต่ราคาขายเฉลี่ยก็ยังต่ำกว่าราคากลางของ Lexus ในตลาดอเมริกาเหนืออยู่ดี
นอกจากนี้ Toyota ยังใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีไฮบริดที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยระบบ THS-II ที่มีสิทธิบัตรครอบคลุมทั่วโลก ช่วยให้รถไฮบริดของบริษัททำกำไรต่อคันสูงกว่ารถไฟฟ้าล้วนถึง 15% และในปี 2024 ยอดขายรถไฮบริดคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของยอดขายทั้งหมด
Toyota ครองห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์เกือบทั้งหมด
Toyota มีอัตราการควบคุมซัพพลายเชนด้วยตนเองมากกว่า 90% โดยบริษัทในเครืออย่าง Denso และ Aisin ร่วมกันพัฒนาชิ้นส่วนสำคัญเพื่อลดต้นทุนผ่านการวิจัยและผลิตแบบบูรณาการ
ในขณะที่บริษัทรถยนต์จีนสามารถควบคุมซัพพลายเชนได้ราว 70% แบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนมากกว่า 40% โดยในปี 2024 ราคาคาร์บอเนตลิเธียมดีดตัวขึ้นกว่า 20% ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไรของบริษัทรถจีนจำนวนมาก แม้ BYD จะลดต้นทุนได้ถึง 15% จากการผลิตแบตเตอรี่ใช้เอง แต่ผู้ผลิตรายอื่นยังคงเผชิญแรงกดดันจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบอยู่มาก
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อกำไรของบริษัทรถยนต์จีน คืออัตราการใช้กำลังการผลิตของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในจีนที่อยู่เพียงประมาณ 60% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระดับสากล เช่น ญี่ปุ่นที่มีอัตราเฉลี่ยมากกว่า 80% ทำให้ต้นทุนคงที่ต่อคันสูงขึ้นจากกำลังการผลิตที่เหลือใช้ อีกด้านหนึ่ง บริษัทรถยนต์จีนยังพึ่งพาการขนส่งทางเรือเป็นหลักในการส่งออก ส่งผลให้ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อคันสูงถึง 3%–5% ของราคาขาย ต่างจาก Toyota ที่เลือกใช้การผลิตแบบกระจายตามภูมิภาค (Local Production) ทั่วโลก ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนโลจิสติกส์ไว้เพียงราว 1% เท่านั้น
แต่อย่ามองข้าม จีนกำลังพลิกเกมอุตสาหกรรมยานยนต์
BYD สร้างแหล่งรายได้ใหม่ด้วยการส่งออกแบตเตอรี่ให้กับ Toyota และ Tesla ส่งผลให้กำไรในไตรมาส 3 ปี 2024 เพิ่มขึ้นเป็น 8% ขณะที่ Li Auto ทำกำไรขั้นต้นได้สูงถึง 22% จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ด้าน HUAWEI AITO ก็แสดงศักยภาพในตลาดพรีเมียม โดยรถรุ่นท็อปในจีนมีราคาขายเฉลี่ยทะลุ 2.84 ล้านบาทไทย หรือราว 3.8 แสนริงกิตมาเลเซีย สะท้อนโอกาสในตลาดรถหรูของจีนที่กำลังเติบโตอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ธุรกิจส่งออกรถยนต์ของจีนยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2024 จีนมียอดส่งออกรถยนต์รวม 5.859 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19.3% และเป็นครั้งแรกที่สามารถแซงญี่ปุ่น (ส่งออก 4.217 ล้านคัน) ขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกรถยนต์อันดับหนึ่งของโลก
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 (มกราคม–มิถุนายน) จีนส่งออกรถยนต์ไปแล้ว 3.083 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 1.06 ล้านคัน เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 75.2% คิดเป็นสัดส่วนถึง 34.4% ของยอดส่งออกรวม โดยผู้ผลิตอย่าง BYD และ GWM ยกระดับเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มสัดส่วนของรถพรีเมียม ทำให้ราคาขายเฉลี่ยของบางรุ่นในการส่งออกทะลุ 1,240,000 บาท
สำหรับบริษัทรถยนต์จีนแล้ว การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฟฟ้ากลายเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะที่ “ความฉลาด” และ “การขยายสู่ตลาดโลก” กำลังกลายเป็นแหล่งกำไรที่แข็งแกร่ง โดยปัจจุบันผู้ผลิตจีนกำลังเร่งดำเนินการควบรวมแนวดิ่งในซัพพลายเชน พร้อมขยายการผลิตแบบโลคอลในแต่ละภูมิภาค เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มอัตรากำไรในอนาคต
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อมูลยอดนิยม

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า
【PCauto】bZ4X Touring มีแผนวางจำหน่ายในยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยเป็นรุ่นต่อยอดจาก bZ4X เวอร์ชันมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับการบรรทุกและการใช้งานแบบออฟโรดได้ดีขึ้น พร้อมกำลังรวมสูงสุด 280 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นระดับกำลังที่สูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota จนถึงขณะนี้ bZ4X Touring มีขนาดตัวถังและพื้นที่ภายในที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในฐานะรุ่นแฝดของ Subaru Trailseeker รถรุ่นนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-TNGA เช่นเดียวกัน แต่ได้รับการขยายมิติตัวรถเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน
【PCauto】หลังจาก Tank 300 รุ่นดีเซลประสบความสำเร็จเกินคาด GWM วางแผนนำ Tank 500 รุ่นดีเซลเข้าสู่ตลาดไทยในไตรมาสที่สี่ของปี 2025 รถเอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่มาพร้อมขุมพลังดีเซล 24 เทอร์โบรุ่นนี้จะผลิตในประเทศที่โรงงานจังหวัดระยอง ราคาคาดการณ์ราวสองล้านบาท เจาะตลาดเดียวกับ Toyota Fortuner และ Isuzu MU X ซึ่งเป็นเอสยูวีดีเซลยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่เปิดตัวทั่วโลก 16 มิถุนายน 2025 มาพร้อมนวัตกรรมหลากหลายด้าน
【PCauto】แบรนด์ Audi ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่ จะเปิดตัวครั้งแรกทั่วโลกในวันที่ 16 มิถุนายน 2025 โดยระบุว่า SUV รุ่นใหม่นี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานในหลายมิติ จากข้อมูลเบื้องต้น รถรุ่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในด้าน ภาษาในการออกแบบ, ห้องโดยสารแบบดิจิทัล และ ระบบขับเคลื่อน Q3 ถือเป็นหนึ่งในรุ่นขายดีที่สุดของ Audi โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 2 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรก

NISSAN X-Trail e-POWER จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2025
【PCauto】Nissan เตรียมนำเข้า X-Trail e-POWER e-4ORCE รุ่นใหม่ล่าสุด (รหัสภายใน T33) จากประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดประเทศไทยช่วงปลายปี 2025 ในรูปแบบรถยนต์นำเข้าทั้งคัน สำหรับผู้บริโภคที่ให้ความสนใจกับรถรุ่นนี้ ราคาจำหน่ายถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับแรกอย่างไม่ต้องสงสัย

GWM เปิดตัว Tank 500 ดีเซล SUV 7 ที่นั่งสายลุยรุ่นใหม่
【PCauto】TANK 500 ดีเซลเปิดตัวในไทย! เอาใจสายครอบครัวลุยๆ ด้วยพลัง 2.4 เทอร์โบ แรงบิดจัดเต็ม 480 นิวตันเมตร หลังจาก TANK 300 ดีเซลประสบความสำเร็จ GWM ก็ไม่รอช้า เปิดตัว TANK 500 ดีเซล เอสยูวีขนาดใหญ่ 7 ที่นั่ง ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะสายลุยอย่างลงตัว เหมาะทั้งสำหรับคนรักการเดินทางแบบครอบครัวและสายออฟโรดตัวจริงTANK 500 ดีเซลมาพร้อมขุมพลังใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร ให้กำลัง 190 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล 480 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบต่ำ ช่วยให้ผ่านอุปสรรคหนักๆ ได้สบาย จับคู่เก
รถยอดนิยม
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
ภาพภายใน